ขับรถผ่านน้ำท่วมอย่างปลอดภัย พร้อมประกันภัยรถยนต์ MSIG
ขับรถฝ่าพายุ-น้ำท่วมอย่างไรให้ปลอดภัย? พร้อมประกัน MSIG คุ้มครองครบทุกกรณี
เทคนิคลุยน้ำรอบด้าน
- ประเมินระดับน้ำ: หากระดับน้ำสูงเกิน 30 ซม. หรือถึงขอบประตูรถ ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางนั้น เพราะเสี่ยงที่น้ำจะเข้าห้องโดยสารหรือเครื่องยนต์ ทำให้ระบบไฟฟ้าลัดวงจรหรือเครื่องยนต์ดับได้ทันที
- ใช้ความเร็วต่ำ และเกียร์ต่ำ: ใช้เกียร์ 12 สำหรับรถเกียร์ธรรมดา หรือเกียร์ L สำหรับเกียร์อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงเครื่องยนต์ดับ และรักษาการควบคุมรถไว้
- อย่าเร่งความเร็ว/เปลี่ยนเกียร์กะทันหัน: เพื่อไม่ให้น้ำเข้าเครื่องยนต์หรือระบบไอเสีย
- ปิดแอร์หากน้ำสูงเกิน 10 ซม.: ป้องกันไม่ให้พัดลมดูดน้ำเข้าเครื่องยนต์หรือระบบไฟฟ้า
- รักษาระยะห่างกับรถคันหน้า: ประมาณ 50 เมตรขึ้นไป เพราะเบรกอาจตอบสนองช้าและสภาพถนนลื่น
- ถ้าเครื่องดับ ห้ามสตาร์ตทันที: ให้เข็นเข้าข้างทางหรือพื้นที่สูงก่อน เพื่อลดโอกาสที่น้ำจะเข้าสู่เครื่องยนต์หรือระบบไฟฟ้า
- อย่าดับเครื่องทันที: ปล่อยให้รถเดินเบาสักพัก เพื่อไล่น้ำในท่อไอเสียก่อนปิดเครื่อง
- ตรวจสอบเบรก ย้ำเบรก 2-3 ครั้ง: เพื่อขจัดความชื้นออกจากผ้าเบรกและดรัม/จานเบรก
- เช็คเครื่องยนต์/กรองอากาศ: หากกลิ่นผิดปกติหรือสีน้ำมันขุ่น ให้รีบนำรถเข้าศูนย์บริการ
- ตรวจระบบไฟฟ้าและฟิวส์: หากพบความชื้นควรเปลี่ยนหรือป้องกันโดยการถอดแบตเตอรี่ชั่วคราว
- ทำให้ภายในห้องโดยสารแห้งที่สุด: เผยพรม, เปิดทั้ง 4 ประตู, ใช้พัดลมหรือผ้าแห้งเช็ดส่วนที่เปียก
คุ้มครองโดย MSIG Motor Insurance เพราะภัยน้ำไม่เลือกเวลา
เมื่อคุณมี ประกันภัยรถยนต์ MSIG ครอบคลุม ช่วยให้มั่นใจได้ว่า:
- ความเสียหายจากน้ำท่วม น้ำฝน หรือไฟฟ้าลัดวงจรที่เกิดจากเหตุการณ์ฝนหรือภัยธรรมชาติ ได้รับการดูแลค่าใช้จ่ายตามที่กรมธรรม์กำหนด
- หากเกิดเครื่องยนต์ดับ เครื่องไฟฟ้าช็อต หรือระบบเบรกล้มเหลว เมื่อต้องจอดรถและเคลม MSIG พร้อมช่วยเคลมและจัดบริการนำรถซ่อม
- ประกัน MSIG ช่วยลดภาระด้านค่าใช้จ่ายไม่คาดคิด ให้คุณกลับมาขับได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจเร็วขึ้น
สรุปง่ายๆ
ขับรถขณะน้ำท่วมด้วยความระมัดระวัง ไม่เร่งเครื่อง รักษาระยะห่าง และดูแลรถหลังขับผ่านน้ำให้ดี รวมทั้งมี ประกันรถยนต์จาก MSIG ติดรถไว้ เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝัน และให้การเดินทางของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น
สนใจซื้อประกันภัยรถยนต์ไปกับ Askpauls ได้ที่ ซื้อประกันภัยรถยนต์